• Welcome to กระบี่วันนี้ ทุกเรื่องของจังหวัดกระบี่.
 

อาหารเสริม สร้างภูมิต้านทานโควิด-19

เริ่มโดย เด็กกระบี่, กรกฎาคม 10, 2021, 02:47:24 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

เด็กกระบี่

จากสถานการณ์โควิด-19 ระบาดระลอกใหม่ สะท้อนให้ตระหนักว่า คนไทยจะประมาทไม่ได้ เพื่อให้ปลอดภัยจากไวรัสร้าย สิ่งสำคัญคือ การ์ดอย่าตก สวมแมสก์ ล้างมือบ่อยๆ และเว้นระยะห่างทางสังคม อย่างไรก็ตาม การดูแลสุขภาพให้มีภูมิต้านทานที่ดี ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่น้อย

พญ.ลำดวน วงสวัสดิ์ แพทย์ทางเลือกด้านบูรณาการ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านแพทย์ทางเลือก ด้านระบบบทางเดินอาหาร อดีตรองคณะบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในฐานะสมาชิกของสมาคมแพทย์สตรีแห่งประเทศไทย ได้ให้ความรู้เรื่องการดูแลตัวเอง เพิ่มเกราะป้องกันตัวเราเองด้วยอาหาร ไวในเฟซบุ๊ก Bangkok Health Integrative Wellness

ก่อนอื่น พญ.ลำดวน ได้กล่าวถึงไวรัสโควิด-19 ว่า โควิดชื่อเดิม เป็น SAR โคโรน่า ไวรัส แต่มันกลายพันธุ์จึงร้ายแรง และที่ร้ายแรงอีก คือ มันไม่ใช่ไข้หวัดธรรมดา เป็นไวรัสที่ไม่มีชีวิต แต่มีรหัสโค้ดเป็น RNA ซึ่งอยู่ในนิวเคลียส เมื่อผ่านเข้าไปในร่างกาย จะไปหลอกให้ร่างกายสร้างตัว RNA มหาศาล อยู่ในเซลล์ของร่างกาย ทำให้เซลล์ทำงานไม่ได้

"โควิดร้ายแรง เพราะเมื่อได้รับเชื้อเข้าไป 5 วัน จะผ่านจมูก ทางปาก ทางเยื่อบุตา และเป็นตัวเชื้อที่กระจายไปตามปอด หัวใจ ตับ สมอง พื้นผิวลำไส้ และระบบหลอดเลือด ทำให้เราเห็นคนไข้มีอาการของโรคต่างๆ กันออกไป"

"ธรรมชาติของการติดเชื้อโควิด เมื่อเราได้รับเชื้อผ่านเข้าไปในร่างกาย จะป่วยหรือไม่ป่วย มันขึ้นอยู่กับตัวเราว่ามีภูมิคุ้มกันมากน้อยแค่ไหน ถ้าภูมิคุ้มกันเราดีมาก เราจะไม่ป่วยไม่มีอาการ แต่ถ้าภูมิต้านทานเรามีปานกลาง เราจะป่วย แต่ถ้าภูมิต้านทานมีอยู่ในร่างกายต่ำ เราจะป่วย และถ้าป่วยมากจะทำให้เสียชีวิตได้"

"อย่างไรก็ตาม พวกเราต้องสงบไม่ตระหนก การระบาดของเชื้อโควิด-19 ตอนนี้ไปทั่วทุกประเทศ ส่วนใหญ่คนที่ติดเชื้อแล้ว ร้อยละ 99.9 มีอาการเพียงเล็กน้อยกับปานกลาง อัตราเสียชีวิต 0.1 เปอร์เซ็นต์"



ฉะนั้นตัวที่จะบอกว่า เราจะป่วยร้ายแรง จะตายหรือไม่ตาย คือ เรื่องภูมิคุ้มกัน "ผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 คือ คนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ"

ทั้งนี้ 7 สัญญาณอันตรายของผู้มีภูมิคุ้มกันต่ำ ได้แก่ 1.ผู้สูงวัย อายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป และเด็กเล็ก 2. ผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคความดัน โรคไต โรคปอด มะเร็ง ผู้มีภาวะอ้วน 3.ผู้มีอาการภูมิแพ้ประจำตัว 4.คนที่มีการติดเชื้อบ่อย เช่น ไซนัสอักเสบ หลอดลมอักเสบ มากกว่า 4 ครั้งต่อปี 5.คนที่อ่อนเพลียเรื้อรัง 6.คนที่ขาดสารอาหาร 7.คนที่มีแผลตามร่างกายและหายช้า

"นี่เป็นสัญญาณที่บอกว่า ภูมิคุ้มกันต่ำ ซึ่งในความหมายจริงๆ คือ กลุ่มพวกนี้เป็นคนที่มีระบบทางเดินอาหารทำงานได้น้อย ก็จะไปสอดคล้องกับการเจ็บป่วยทุกอย่าง เริ่มต้นจากระบบทางเดินอาหาร เพราะฉะนั้นการที่จะทำให้ภูมิคุ้มกันได้ดีก็คือ ใช้อาหารเป็นยา อาหารไปส่งเสริมให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้ดี ก็จะทำให้ภูมิคุ้มกันดี ภูมิคุ้มกันที่ดีนี้ เป็นภูมิคุ้มกันระบบพื้นฐาน เป็น Innate Immunity ซึ่งทุกคนควรจะได้รับการเสริมสร้างไว้ก่อน เพราะเป็นด่านแรก ในการที่จะไปดักจับเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกาย ไม่ให้เชื้อโรคผ่านเข้าระบบเส้นเลือดไปน้ำเหลืองทำให้ก่อโรคขึ้น"

ทั้งนี้ การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้ดี แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน

1.ถ้าต้องออกจากบ้านไปพบปะผู้คน สำคัญมาก เราต้องใช้น้ำมันมะพร้าว แปะที่เยื่อบุจมูกทั้ง 2 ข้าง ร่วมกับการที่ใช้น้ำมันมะพร้าว กลั้วที่ปากกับคอก่อนออกจากบ้าน เพราะน้ำมันมะพร้าว มีคุณสมบัติในการที่จะฆ่าเชื้อไวรัส ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ฆ่าเชื้อรา ฉะนั้น การที่เราได้ชิ้นส่วนของเชื้อไวรัส มันจะถูกเกาะติดอยู่ในชิ้นส่วนของน้ำมัน อันนี้พิสูจน์ได้แล้ว

"คนที่ใช้น้ำมันมะพร้าวกลั้วปาก เหงือกฟันสะอาด กลิ่นปากหาย เป็นความรู้ทางอายุรเวชที่เราสามารถปฏิบัติได้ง่าย เมื่อกลับเข้าบ้าน เราก็เช็ดออกก่อน เช็ดเยื่อบุจมูกออก แล้วก็ทิ้งไป อันนี้สำคัญมาก"

2.การปฏิวัติพื้นฐานวิถีชีวิตเล็กน้อย โดยฝึกการหายใจเข้าออกช้าๆ เข้า 4 วินาที ค้างไว้ 4 วินาที ออกให้ยาว 8 วินาที นานติดต่อกันประมาณ 5-10 นาที หรืออาจจะเป็นการออกกำลังกาย เราสามารถออกกำลังได้ทุกอย่างที่ถนัด อาจจะเป็นการวิ่ง การเดินเร็ว การฝึกโยคะ การฝึกพลังลมปราณ จี้กง หรือไทเก็ก ทำได้ทุกอย่าง ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การเคลื่อนไหวของเลือด ไหลเวียนได้ดี โดยออกกำลังนานประมาณ 30 นาทีต่อวัน

3.อาหาร ภูมิคุ้มกันพื้นฐานจะอยู่ในระบบทางเดินอาหาร ระบบเยื่อบุของจมูก ดังนั้น เราต้องมาช่วยให้ระบบทางเดินอาหารเราทำงานได้ดี โดยควรดื่มน้ำให้มากๆ ประมาณ 8-10 แก้วต่อวัน

"ถ้าจะให้ดี ให้ดื่มน้ำอุ่น จะดีมาก ถ้าเราต้มน้ำตะไคร้ ใบมะกรูด ข่า ความอุ่นจะช่วยทำให้ ระบบลำไส้ทำงานได้ดี"

พญ.ลำดวน เผยอีกว่า สนุนไพรทั้งหลาย ช่วยในเรื่องของการขับลม ช่วยในเรื่องของการย่อย

"พูดถึงน้ำแล้ว ก็อยากจะแนะนำว่า ขอให้งดแอลกอฮอล์ งดกาแฟ เพราะแอลกอฮอล์ทานไปแล้ว ทำให้จุลินทรีย์ในลำไส้เปลี่ยนแปลง เกิดเป็นพิษขึ้นได้ ภูมิต้านทานอ่อนแอ ฉะนั้น งดไว้ก่อน"

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุด คือ เรื่องของ "อาหาร"

"อาหารที่จะทำให้ระบบลำไส้ทำงานได้ดี คือ ผักมากกว่าเนื้อ แต่เราก็ต้องทานโปรตีนเพิ่มขึ้น ฉะนั้น เราทาน ผัก ผลไม้ เพิ่มโปรตีนที่มาจากผักให้เยอะขึ้น ผักผลไม้ขอเป็นของสด ปลอดภัย ไร้สารพิษ ไม่หวาน ส่วนโปรตีนที่เพิ่มขึ้น ก็อาจจะเป็นโปรตีนจากถั่ว งา แมคาเดเมีย อัลมอนด์ ถั่วลิสง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ หรือพวกถั่วทั้งหลาย ถั่วเขียว ถั่วดำ ถั่วแดง"

"ความสำคัญของอาหาร ผักผลไม้ที่อยากเน้น เราทานหลากสี ให้ครบทุกสี และความสำคัญที่อยากจะเน้นก็คือ พืช ผัก ผลไม้ที่เป็นสีขาว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เห็ด จะเป็นตัวเพิ่มเบต้ากลูแคน ทำให้ตับและเซลล์ในร่างกายมีภูมิคุ้มกันจากระบบลำไส้ เห็ดทุกชนิด ทานได้เลย กระเทียม อโวคาโดหัวไชเท้า ของสีขาวๆ ให้ทาน"

"นอกจากจะเป็นผักหลากสี ผักสดแล้ว เราเพิ่มสนุนไพรเข้าไปได้ อาจจะเป็นเรื่องกระชาย ใบกะเพรา ใบโหระพา กระเจี๊ยบ มะระขี้นก ที่สำคัญมากที่สุดของระบบทางเดินอาหาร คือ การให้จุลินทรีย์ที่ดี ที่เรารู้จักกันเรื่องของโปรไบโอติก เพราะมันจะไปส่งเสริมให้การทำงานของระบบทางเดินอาหารได้ดี"

"พื้นๆ ที่เราสามารถหาได้ง่ายมากที่สุด คือ น้ำหมักผลไม้ กับสมุนไพร ที่ในประเทศไทยเรา มีการหมักอยู่ค่อนข้างเยอะ แทบว่าจะมีประจำทุกหมู่บ้าน ขอให้มีคุณภาพที่ดี ก็คือ มีจุลินทรีย์ที่ดี และเป็นจุลินทรีย์ที่อยู่ในพื้นบ้านของเรา น้ำหมักคอมบูชาได้ ผักดอง กิมจิ อาจจะเป็นกะหล่ำปลีดอง ถั่วหมักทั้งหลาย ข้าวหมากใช้ได้เลย ขอให้ทานเยอะๆ อันนี้เป็นจุลินทรีย์"

"จุลินทรีย์ที่ดี มีส่วนสำคัญช่วยให้ลำไส้ทำงานดี เมื่อเรามีจุลินทรีย์ที่ดีแล้ว เราควรเพิ่มอาหารที่เป็นตัวช่วยให้จุลินทรีย์ทำงานดี เรียกว่า พรีไพโอติก ก็คือ หัวหอม อาติโช๊ค แก่นตะวัน กล้วยน้ำว้า ต้มหอม ทานไปได้เยอะๆ"

"อาหารที่อยากให้หลีกเลี่ยง ของหวานทุกชนิด ขณะเดียวกัน อาหารที่ปรุงแต่งเป็นกล่องๆ คุณภาพของอาหารจะไม่ค่อยดี เป็นแป้ง ขณะที่สารอาหารประเภท โปรตีน แร่ธาตุ เกลือแร่ ขาดหมด"

"อาหารเสริมที่สามารถจะช่วยได้ ก็อาจเป็นเรื่องของวิตามินซี ได้วันหนึ่ง 2-3 ลูก หรือเทียบเท่าวิตามินซี วันละ 2-4 กรัมได้ สังกะสีสามารถเพิ่มได้ ประมาณ 50 มิลลิกรัมต่อวัน วิตามินอีช่วยได้ วิตามินดี อยู่ในท่ามกลางแสงแดด ฉะนั้นตอนเช้า ออกกำลังให้ถูกแสงแดดนานประมาณครึ่งชั่วโมง เราก็จะได้วิตามินดี"

พญ.ลำดวน ระบุว่า จะตรวจสอบได้อย่างไร ว่าภูมิต้านทานเราดี เราไปดูเลยว่า พลังชีวิตดี สดใส สดชื่น อุจจาระเราดี อุจจาระดีก็คือ ออกมาสีเหลือง กลิ่นไม่เหม็น ไม่มีลม

"ถ้าเราดำเนินการปฏิบัติแบบนี้ ก็จะช่วยให้ภูมิต้านทานดี โดยทุกท่านสามารถที่จะสร้างกิจกรรมตรงนี้ได้ ได้ทุกคน ทั้งคนที่ป่วย คนไม่ป่วย ก็อยากเชิญชวนให้ทุกท่าน ทุกองค์กร คนที่ถูกกักตัว คนที่อยู่โรงพยาบาลสนาม หรือคนป่วยทั้งหลาย นำหลักการตรงนี้ ไปปฏิบัติ"

"เราไม่เครียด เราทานอาหารที่ดี ซื้อผักผลไม้ที่มีอยู่หลากหลายในประเทศไทย ก็จะเป็นการฟื้นฟู สร้างเสริมภูมิคุ้มกันของเรา ฟื้นฟูประเทศไทย ให้เศรษฐกิจดี และยั่งยืน"พญ.ลำดวน ทิ้งท้าย

ดู ฟ้าทะลายโจรป้องกันโควิด-19 บางเรื่องที่คุณยังไม่รู้